เรื่องนี้ไม่รู้เคยอ่านกันยังนะ ซึ้งมาก ๆ

ห้องของพี่บัณฑิต สดๆร้อนๆ ครับ

Moderators: Spadez, oosora

เรื่องนี้ไม่รู้เคยอ่านกันยังนะ ซึ้งมาก ๆ

Postby killua » Mon Aug 15, 2005 11:20 am

รักครั้งแรกใช่จะผิดหวังเสมอไป มีคนเคยบอกว่า ความรักมีอยู่ 3 แบบ
1. รักเพราะหลง
2. รักเพราะอ่อนไหว
3. รักเพราะเข้าใจ
และยังมีคนบอกอีกว่ารักครั้งแรกส่วนมากจะเป็นรักเพราะหลงและมักจะไม่สมหวัง
แต่สำหรับผมแล้วรักครั้งแรกเป็นรักที่เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของผม
ผมชื่อ แทน เรียนปี 3 อยู่มหา'ลัยแห่งหนึ่ง
ผมต้องทำงานไปเรียนไป เพราะพ่อแม่ผมเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุเมื่อปีก่อน ตอนนี้ผมจึงเหมือนอยู่ตัวคนเดียว
ตั้งแต่พ่อแม่ผมเสีย ผมก็เงียบมาตลอดไม่ค่อยคุยกับเพื่อนคนไหนเลย
ส่วนเธอ เธอชื่อ ซี...ซีเป็นลูกคนรวย เรียนปี 3 เหมือนผม และคณะเดียวกับผม
โดยความคิดของผมแล้วนั้นลูกคนรวยส่วนมากจะชอบทำตัวเวอร์ ๆ
แต่สำหรับซีแล้วเธอไม่ใช่ ซีเป็นคนเรียบร้อย ร่าเริง เรียนเก่ง แล้วยังเป็นที่รักของเพื่อน ๆ ด้วย ซึ่งต่างกับผมราวฟ้ากับดิน
ผมแอบมองซีมาตลอดตั้งแต่เข้าปี 1 แต่ตอนนี้ผมคงไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นแล้ว
ตั้งแต่พ่อแม่ผมเสีย ผมก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเพื่อน ๆ เลย ดังนั้นเลิกฝันถึงซีไปได้เลยครับ
เช้าวันหนึ่ง เข้าเรียนคาบแรก อาจารย์สั่งให้ทุกคนนำงานที่สั่งมาส่ง ผมไม่รู้เรื่องเลยว่าอาจารย์สั่งงานตอนไหน สงสัยสั่งตอนที่ผมแอบหลับในห้องเรียนมั้ง
ผมทำอะไรไม่ถูก "แทน" เสียงผู้หญิงเรียกชื่อผม ผมหันไปมอง ซีเป็นคนเรียก ซีพูดต่อว่า "ซีทำรายงานมาให้ ซีรู้ว่าแทนไม่ได้ทำมา เพราะเมื่อวานแทนหลับในห้องเรียนตอนอาจารย์สั่งงานพอดี" พอพูดเสร็จซีก็วางรายงานไว้บนโต๊ะแล้วเดินกลับไป
หลังเลิกเรียน ผมเดินเข้าไปบอก ขอบคุณซี แต่ซีพูดกลับมาว่า "เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นข้าวเที่ยงได้มั้ยคะ"
ผมดีใจ ไม่คิดเลยว่าผมจะมีโอกาสนั่งกินข้าวกับซี ผมเลยตอบกลับไปว่า "ได้ครับ"
หลังจากนั้นเราก็เดินไปกินข้าวที่โรงอาหารของมหา'ลัย
เธอดูเรียบร้อยมากเวลาทานข้าว พอทานเสร็จ ซีก็พูดขึ้นมาว่า "ซีรู้นะว่าแทนไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่ค่อยมีเวลาทบทวนเรื่องที่เรียนไป เอาเป็นว่าเวลาแทนว่าง ซีจะติวให้แทนดีมั้ย ?"
ความหวังดีจากผู้หญิงคนนึงที่ผมเคยแอบมองมาตลอดนั้น มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
หลังจากวันนั้น ผมกับซีก็มานั่งติวหนังสือกันทุกวัน
จนจบมหา'ลัย ผมก็มีบริษัทมารับเข้าทำงาน 2 บริษัท บริษัทแรกทำงานในกรุงเทพ ฯ ส่วนอีกบริษัททำงานที่ระยอง
ผมปรึกษากับซีว่าจะเลือกบริษัทไหนดี ซีบอกว่า "ตามใจแทนเถอะ ชีวิตเป็นของแทนนะ"
ผมได้ยินดังนั้นผมก็ไม่ลังเลที่จะเลือกทำงานบริษัทที่ 2 ถึงผมจะต้องไปทำงานที่ระยอง แต่มันเป็นอนาคตที่ดีสำหรับผม
ผมไปทำงานอยู่ที่ระยอง 1 อาทิตย์ผมจะโทรหาซี 2 - 3 ครั้ง 1 เดือนผมจะเข้ากรุงเทพ ฯ 1 - 2 ครั้ง
เวลาผ่านไป 4 ปี ผมได้ย้ายเข้ามาทำงานในกรุงเทพ ฯ เพื่อมารับงานในตำแหน่งผู้จัดการบัญชี
พอผมมาถึงกรุงเทพ ฯ ทางบริษัทให้ผมลาพักร้อนได้ 1 อาทิตย์ ผมจึงตัดสินใจชวนซีไปเที่ยวเป็นครั้งแรก
ผมโทรเข้ามือถือซี ผมชวนเธอไปที่สวนสามพราน เพราะซีชอบดอกไม้ ซีตอบกลับมาว่า "จริงหรือแทน ซีไม่เคยไปไหนกับใครนอกจากพ่อและแม่เลย แทนจะพาซีไปวันไหนคะ ?"
ผมตอบกลับไปว่า "พรุ่งนี้โอเคมั้ย พาไปเที่ยวเสร็จ" ซีไปดูคอนโดเป็นเพื่อนแทนหน่อยนะ แทนจะซื้อคอนโดใกล้บ้านซี"
ซีตอบกลับมาว่า "ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ"
เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปรับเธอที่บ้าน หลังจากนั้นผมก็นั่งรถแท็กซี่ไปสวนสามพราน ระหว่างที่ดูดอกไม้นั้นซีดูมีความสุขมาก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสมือซี หลังจากที่คุยกันมานานถึง 6 ปี พอบ่ายผมก็ไปดูคอนโดที่อยู่ใกล้บ้านซีที่สุด แล้วก็เซ็นสัญญาซื้อผ่อนทันที ตกเย็นซีชวนผมไปบ้านของเธอ ซีบอกว่า "คุณพ่อของซีอยากเจอแทนค่ะ เลยให้ซีชวนแทนมาทานข้าวที่บ้าน"
ผมไม่ปฏิเสธครับ พอไปถึงนั่งลงที่โต๊ะ คุณพ่อของซีดูเป็นผู้ใหญ่มาก ท่านพูดขึ้นมาว่า "เธอเองหรือชื่อแทน ซีเล่าให้พ่อฟังอยู่บ่อย ๆ ซีบอกกับพ่อว่า เธอเป็นคนขยัน ว่าไงสนใจมาทำงานกับพ่อมั้ย มาทำที่บริษัทพ่อ" ผมอึ้งไม่คิดเลยว่าท่านจะพูดกับผมแบบนี้ ผมรู้สึกดีใจ ตอนนี้ผมรู้สึกเป็นส่วนนึงในชีวิตของซียังไงไม่รู้ครับ ผมตอบตกลงทันที
หลังจากวันที่ผมไปบ้านซี 2 วัน ผมก็เริ่มงานในบริษัทของพ่อซี ตำแหน่งที่ผมได้รับคือตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบัญชี งานส่วนใหญ่จะใช้สมองซะมากกว่า หลังจากนั้นก็ว่าง
วันนึงพ่อของซีก็เดินมาที่โต๊ะทำงานของผมแล้วก็บอกว่า
"แทน ถ้าว่าง ก็พาซีไปเที่ยวก็ได้นะ พ่อฝากดูแลซีด้วย"
ผมตอบตกลงไป
ผมและซีในเวลานี้มีความสุขที่สุด ผมมีเวลาให้ซีมากขึ้น แต่พอผมว่างมากขึ้น
ผมก็พูดกับซีว่า "ซี...แทนเบื่อแล้ว แทนอยากทำงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าแทนเบื่อซีนะ แทนจะรับงานตรวจสอบบัญชีจากบริษัทจากบริษัทอื่นมาทำด้วยนะ ซีเห็นด้วยมั้ย ?"
ซีตอบกลับมาว่า "ถ้ามันเป็นความต้องการของแทน ซีก็เห็นด้วย"
ผมก็รับงานจากบริษัทอื่นเข้ามาทำ เวลาว่างที่ผมเคยมีให้ซีก็ค่อย ๆ หมดลงไป
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมต้องพยายามทำงานให้มาก เพื่อที่จะเทียบเท่าหรือใกล้เคียงซีมากขึ้น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะบอกว่ารักเธอ แต่ในใจแล้วผมรู้สึกได้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้วว่าซีคือคนที่ผมอยากอยู่ด้วย
วันนี้เป็นวันเกิดของซี ผมทำงานจนลืมไปเลยว่าวันนี้วันเกิดของเธอ
วันรุ่งขึ้นซีโทรมาหาผมแล้วพูดว่า "แทนไม่เคยลืมเลยนะ แต่ปีนี้แทนลืม เมื่อวานเป็นวันเกิดของซีนะ" แล้วเธอก็ร้องไห้ ในเวลานั้นผมเครียดเรื่องงานมาก ผมเลยพูดออกไปอย่างไม่คิดว่า "ไร้สาระน่ะซี แทนต้องทำงานนะ แทนไม่ว่างเหมือนซีนะ"
เธอเงียบไปพักหนึ่งแล้วซีก็พูด "ขอโทษนะแทน ซีไม่อยากทะเลาะกับแทน ซีอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขโดยมีแทนอยู่เคียงข้างนะ"
ผมโกรธที่เธอพูดแบบนี้มาก แต่เงียบไม่ต่อว่าอะไรเธอไป
ซีพูดต่ออีกว่า "อีก 2 วัน ซีจะไปอเมริกากับแม่ ซีอยากให้แทนไปด้วย ซีขออนุญาตคุณพ่อแล้วนะ คุณพ่อบอกว่าให้แทนไปด้วยก็ได้ แทนจะไปกลับซีมั้ย ?"
ผมตอบกลับไปว่า "ช่วงนี้งานยุ่ง ซีไปกับแม่ให้สนุกเถอะ"
แล้วซีก็วาง
ซีเดินทางไปอเมริกากับแม่ 1 เดือน ในเวลาระหว่าง 1 เดือนนี้ ผมไม่ได้ติดต่อกับซีเลย พอซีกลับมากรุงเทพ ฯ ผมก็ไม่ได้ไปรับ หลังจากกลับมาจากอเมริกา ผมกับซีก็ห่างเหินกัน ไม่ค่อยได้เจอกันเลย 1 เดือนจะได้เจอหน้ากันสัก 2 - 3 ครั้ง ไม่ได้โทรคุยกันเลยเพราะผมงานยุ่งมาก
ผมทำงานที่บริษัทพ่อซีมา 3 ปีแล้ว ตอนนี้ผมคิดว่าผมพร้อมทุกอย่างแล้ว มีเงินพอที่จะซื้อบ้าน ซื้อรถ และทุกซิ่งทุกอย่างที่ซื้อได้ด้วยเงิน วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผมจึงตัดสินใจที่จะขอซีแต่งงาน
แล้วคืนก่อนวันที่ 14 ซีก็โทรมาหาผมที่บ้าน
"แทน ซีถามอะไรแทนหน่อยได้มั้ย" ผมตอบว่า "ได้สิ"
ซีถามต่อ "แทน ทำไมถึงขยันทำงานขนาดนี้ แทนขยันเพื่อใคร เพื่ออะไร ?" ผมไม่ตอบคำถามของซี แต่พูดกับไปว่า "พรุ่งนี้แทนจะบอก แทนจะตอบทุกคำถามของซี พรุ่งนี้ซีไปสวนสามพรานกับแทนนะ" ซีตอบมาว่า "ได้"
เช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผมรีบไปที่เต็นท์โชว์รูมรถ ทำสัญญาออกรถป้ายแดง ออกมาแล้วก็ขับไปรับซีที่บ้าน ผมนึกว่าซีจะตกใจที่ผมขับรถไปรับเธอ แต่ไม่เลย
เธอดูอ่อนเพลียเหมือนคนไม่สบาย หน้าซีด
ผมจึงบอกซีว่า "ไว้วันหลังก็ได้นะซี" ซีตอบกลับมาว่า "วันนี้แหละ ซีอยากไปวันนี้"
ก่อนขับรถออกจากบ้านซี ผมเห็นแม่ซีดูเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
พอมาถึงสวนสามพราน ผมเดินจูงมือซีดูดอกไม้ เดินมาได้สักพักผมก็พาซีมานั่งที่ม้านั่งริมสระน้ำ
ซีซบไหล่ผมแล้วพูดกับผมว่า "แทน ซีรู้นะว่าแทนรักซี แต่ซีอยากให้แทนบอกเองจะได้มั้ย แทนบอกซีด้วยว่า แทนทำไมถึงขยันทำงานขนาดนี้ แทนขยันเพื่อใคร เพื่ออะไร ?"
แล้วคราวนี้ผมก็บอกเธอทุกอย่างว่า "ซี...แทนรักซีนะ ทุกอย่างที่แทนขยัน แทนทำเพื่อซี แทนไม่อยากให้ซีโดนใครดูถูกว่ามาคบกับแทน แล้ววันนี้แทนพร้อมทุกอย่างแล้ว วันนี้แทนคิดว่าแทนใกล้เคียงพอที่จะขอซีแต่งงานแล้ว ซีแต่งงานกับแทนนะ"
แล้วผมก็หยิบแหวนแต่งงานที่แอบซื้อไว้หมายจะสวมเข้าที่นิ้วของซี
ผมจับมือของซีขึ้น เธอไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่ผมทำ
ผมจับตัวเธอเขย่า เธอไม่รู้สึกอะไรเลย
ผมจึงอุ้มร่างซีขับรถไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แล้วระหว่างนั้นผมก็โทรบอกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับซี มาถึงโรงพยาบาล หมอรีบพาซีเข้าห้องไอซียู
ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถามหมอว่าซีเป็นอะไร หมอก็ไม่ยอมบอก
ไม่นานพ่อกับแม่ซีก็มาถึงโรงพยาบาล
ผมถามแม่ซีว่าซีเป็นอะไร แม่ซีบอกกับผมว่า ซีเป็นโรคหัวใจ เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว
ผมอึ้ง ทำไมผมมันโง่อย่างนี้ ผมไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยรู้ว่าซีเป็นโรคหัวใจ
ผมนั่งภาวนาอยู่หน้าห้องไอซียูว่าขออย่าให้ซีเป็นอะไรเลย
ถ้าซีหายผมจะแต่งงานกับซี ไม่ทิ้งให้เธอเดียวดายอีกต่อไป
ซีอยู่ในห้องไอซียูนานถึง 5 ชั่วโมง
หมอก็เดินออกมาจากห้อง
ผมรีบเข้าไปเขย่าตัวหมอแล้วถามว่า
"ซีไม่เป็นใช่ไหมหมอ"
หมอเงียบสักพักแล้วตอบว่า "ผมเสียใจด้วยนะครับ"
ผมได้ยินคำนี้ถึงกับทรุดตัวลง แล้วก็ร้องไห้ออกมา
หลังจากนั้นงานศพของซีก็ถูกจัดขึ้นท่ามกลางแขกหลายคน รวมทั้งเพื่อนของซีด้วย
วันนี้เป็นวันสุดท้าย เป็นวันเผาศพ แม่ซีเข้ามาหาผม แล้วก็ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผม แล้วพูดว่า "ของที่อยู่ ข้างในเป็นของที่ซีเขียนจดหมายไว้ให้แม่ บอกให้แม่มอบให้แทน"
ผมค่อย ๆ แกะซองนั้นออก ้างในมีสมุดเล่มเล็ก ๆ กับม้วนวีดีโออยู่
หลังจากพิธีเผาศพเสร็จ ผมนั่งอยู่ด้านหน้าจนแขกในงานกลับไปหมด
พ่อของซีเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดกับผมว่า "ซีรักแทนมากนะ"
แล้วพ่อก็เดินกลับไป
ผมขับรถกลบมาคอนโดด้วยรอยคล้ำใต้ตา ผมเดินไปหยิบม้วนวีดีโอแล้วนำมันไปเปิด
ผมเห็นซีในชุดสีขาวเหมือนชุดในโรงพยาบาลไม่ผิด
ซีพูดว่า "แทน...ถ้าแทนได้ดูม้วนวีดีโอนี้แล้ว แสดงว่าซีไม่ได้อยู่แล้วนะ ตอนนี้ซีอยู่ที่โรงพยาบาลในอเมริกา แม่ซีพาซีมาหาหมอเพื่อผ่าตัดครั้งสุดท้าย ถ้าผ่าตัดครั้งนี้ไม่สำเร็จ หมอบอกว่าซีจะอยู่ได้อีกไม่ถึง 2 ปี แต่ซียอมเสี่ยงเพื่อที่จะได้อยู่กับแทนตลอดชีวิต ซีไม่โกรธแทนนะที่แทนไม่มาอเมริกากับซี แต่แทนอย่าโกรธซีนะ ที่ซีไม่ได้บอกว่าซีเป็นโรคหัวใจ ซีไม่อยากให้แทนกลุ้ม ซีเห็นแทนพยายามในสิ่งที่แทนต้องการ แค่นี้ซีก็มีความสุขแล้ว ซีรู้นะว่าแทนพยายามทำเพื่อใคร แทนทำเพื่อซีใช่มั้ย ถ้าคิดไปเองก็ขอโทษนะ ซีอยากให้แทนรู้นะว่าซีรักแทนมาก มากที่สุดด้วย"
สัญญาณภาพก็หายไป
น้ำตาของผมออกมาชำระความโง่เขลาของตัวเอง ทำไมผมไม่เอะใจกับคำพูดของเธอที่ว่า ขอโทษนะแทน ซีไม่อยากทะเลาะกับแทน ซีอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขโดยมีแทนอยู่เคียงข้างนะ
ผมน่าจะรู้ว่าเธอไม่สบาย ผมน่าจะไปอเมริกากับเธอ
ผมนั่งคิดสักพักแล้วก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ในนั้นเขียนว่า
ถึงแทนที่รัก อย่าโทษตัวเองนะที่ไม่มีเวลาให้ซี อย่าโทษตัวเองนะว่าผิด เรื่องนี้ไม่มีใครผิด และไม่มีใครถูก ซีรักแทน และแทนก็รักซี ถึงเรา 2 คนจะไม่พูดแต่ซีก็รู้สึกนะ ถึงซีจะไม่อยู่แล้ว แต่ซีก็ยังคงอยู่ในใจแทนนะ ซีรักแทนมาก มากเกินกว่าที่จะเขียนลงไปได้ แต่มันคงไม่มีเวลาแล้ว หลังจากที่ซีไปผ่าตัดและผลออกมาล้มเหลว ซีก็ป่วยมาตลอด ซีไม่ได้โกรธแทนนะ แต่ซีไปหาแทนไม่ไหว ซีไม่อยากบอกให้แทนรู้ เพราะแทนกำลังตั้งใจกับงานที่ทำอยู่ สุดท้ายนี้ซีอยากบอกกับแทนว่า ซีขอโทษ ซีอยู่กับแทนได้แค่นี้ ระยะเวลา 9 ปีที่ซีอยู่กับแทนถึงมันจะน้อยแต่ซีรู้สึกมีความสุขมากนะ
ลาก่อนแทนที่รัก
ผมอ่านจดหมายเสร็จ ผมก็นั่งร้องไห้และคิดอยู่ตลอดเวลาว่า
ตอนนี้ผมมีทุกอย่าง มีทุกสิ่งที่จะซื้อได้ด้วยเงิน แต่ผมกลับซื้อเวลาที่จะอยู่กับซีไม่ได้
แต่ถ้าผมซื้อเวลาคืนมาได้
1 นาที ผมจะบอกให้ซีรู้ว่า ผมรักเธอมากแค่ไหน
1 ชั่วโมง ผมจะรีบขับรถไปหาเธอแล้วบอกเธอว่าขอโทษที่จำวันเกิดไม่ได้นะที่รัก
1 วัน ผมจะอยู่กับเธอในวันเกิดที่ผมลืม
1 เดือน ผมจะไปดูแลเธอในอเมริกา
และ 1 ปี ผมจะขอเธอแต่งงานและอยู่กับเธอ ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่ 1 ปีก็ตาม
ในชีวิตคน ๆ นึง จะมีสักกี่ครั้งมั้ยที่จะได้พบรักแท้ในรักครั้งแรก ชีวิตเราเกิดมาเพื่อใคร และเกิดมาทำไม อย่างน้อยชีวิตของผมที่เกิดมา ก็ได้รู้ว่าเกิดมาเพื่อใคร และพยายามเพื่อใคร
สำหรับรักครั้งแรกของผมนั้นผมคิดว่าจะเป็นรักครั้งเดียวในชีวิตของผมดีที่สุด ถึงแม้ผมจะไม่ได้บอกกับซีว่า ผมรักซี แต่ตอนนี้ผมจะบอกผ่านโพสต์นี้ไปถึงซีว่า ผมรักซีมาก รักตั้งแต่วันแรกที่เจอ ซีคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีได้ในวันนี้ เพราะฉะนั้นผมจะไม่รักใครอีกนอกจากเธอ
ซีจากผมไป 1 ปี กับอีก 4 วัน แต่เมื่อวานซียังทำให้ผมร้องไห้อีกจนได้ครับ
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวานตอนเย็น ผมกลับมาที่คอนโด เพื่อเปลี่ยนชุดไปงานเลี้ยงของบริษัทที่ผมทำงานอยู่ (หรือบริษัทพ่อของซี) ผมเลือกเสื้อสูทที่จะใส่ไปงาน
ในขณะที่ผมเลือกอยู่ผมก็เหลือบไปเห็นเสื้อสูทสีม่วงผ้ากำมะหยี่ ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าเสื้อตัวนี้ ซีเป็นคนซื้อให้ผม ก่อนที่เธอจะไปรักษาตัวที่อเมริกา แต่ผมไม่เคยใส่มันเลย เพราะเคยลองใส่ดูแล้วมันดูเหมือนนักสนุกเกอร์อย่างไรไม่รู้ ผมเลยไม่ชอบ แต่วันนี้ผมคิดถึงซีมาก ผมเลยหยิบสูทตัวนี้ขึ้นมาใส่ พอใส่เสร็จผมมีความรู้สึกว่ามีของอยู่ในกระเป๋า ผมจึงล้วงลงไปหยิบและเอามันขึ้นมาจึงรู้ว่ามันเป็นเทปคาสเซตต์ม้วนหนึ่ง
ด้วยความอยากรู้ว่ามันเป็นเพลงอะไร ผมจึงตรงไปที่เครื่องเสียงแล้วเปิดมัน เสียงแรกที่ผมได้ยินเป็นเสียงของซี เธออัดเสียงของเธอลงไปในเทป ต่อไปนี้จะเป็นคำพูดที่เธอพูดในเทปนะครับ
"สวัสดีค่ะ แทน นั่นแน่ แทนได้ฟังเทปแล้วแสดงว่าแทนแพ้พนันซีแล้วนะ เพราะแทนบอกว่าจะไม่มีวันใส่สูทตัวนี้ (เธอหัวเราะเบา ๆ) ในที่สุดแทนก็ใส่สูทตัวนี้จนได้ เฮ้อ (เธอถอนหายใจ) ตอนนี้เราจากกันนานหรือยังนะ ขอโทษที่ซีพูดอย่างนี้นะ เพราะซีคิดว่าแทนคงจะได้ฟังเทปนี้ตอนที่ซีไม่ได้อยู่กับแทนแล้ว แทนคิดถึงซีมั้ย คงคิดถึงล่ะสิ แทนอยากรู้มั้ยว่าตอนนี้ซีอยู่ที่ไหน ถ้าอยากรู้ทำตามที่ซีบอกนะ แทนเปลี่ยนเทปไปฟังที่ต้นหน้า B นะคะ"
แล้วเสียงซีก็เงียบลงไป ผมจึงรีบกรอไปที่ต้นหน้า B แล้วเปิดฟัง
"แทนคะ แทนทำตามที่ซีบอกนะคะ แทนหลับตาลงนะ"
แล้วผมก็ได้ยินเสียงคลื่น แล้วก็มีเสียงซีพูดขึ้นมาว่า
"แทน ซีว่าเปลือกหอยอันนี้สวยจังเลยนะคะ" แล้วเธอก็พูดขึ้นมาว่า "รู้มั้ยตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกัน" ผมตอบกับตัวเองว่าทำไมจะจำไม่ได้ เพราะเสียงที่ผมได้ยินนั้นมันมาจากม้วนวีดีโอที่ที่เราไปถ่ายตอนไปเที่ยวพัทยา
แล้วเทปที่มีเสียงของซีก็ยังคงเล่นต่อไป ซีเปิดวีดีโอ มีเสียงที่อยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ผมกับเธอไปเที่ยวกัน เสียงของเธอในเทปก็พูดขึ้นมาว่า "ตอนนี้แทนรู้หรือยังคะ ว่าซีอยู่ที่ไหน ซีอยู่ในใจแทนนะ เวลาที่แทนคิดถึงซี แทนก็เปิดวีดีโอ หรือดูรูปถ่ายของเราก็ได้นะ และวันนี้ซีก็จะรักษาสัญญากับแทนอีกเรื่องหนึ่งนะคะ แทนจำได้มั้ย แทนเคยร้องเพลงให้ซีฟัง ซียังจำได้นะ แต่จำชื่อไม่ได้ว่าเพลงอะไร แต่จำเนื้อร้องได้ท่อนนึงนะ ท่อนที่ว่า 'เส้นทางชีวิตของฉัน ถึงแม้มันไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกไม้ แต่มันเป็นทางที่ฉันเลือกเดินด้วยหัวใจ เส้นทางชีวิตสายนี้จะขอพิสูจน์ด้วยแรงและกำลังใจ' และอะไรต่อ จำไม่ได้แล้วค่ะ ร้องได้แค่นี้ค่ะ พอแทนร้องเสร็จ แทนก็บอกให้ซีร้องให้ฟังบ้าง แต่ซีไม่ได้ร้อง แทนเลยโกรธ แต่วันนี้ซีจะร้องให้ฟังนะ แทนฟังให้ดีนะ ซีอาจจะร้องไม่เพราะเท่าไรนะคะ ซีจะฝากบทเพลงนี้ไว้แทนใจนะ เมื่อไรที่แทนเหงาแทนจงฟัง เพราะมันเป็นบทเพลงสุดท้ายไว้แทนใจ เพราะตอนนี้เราคงต้องห่างไกลกันนะ ซีร้องแล้วนะ (แล้วเธอก็ร้องเพลง) 'วันคืนที่เนิ่นนาน อาจผ่านชีวิตคน อาจเปลี่ยนใจคนให้เวียนหมุนไป ทำเราจากห่างกัน ไม่เคยโทษใคร มันเป็นเงื่อนไขของกาลเวลา วันวานของเราแม้มันไม่คืนกลับมา แต่อยากบอกให้เธอรู้ว่า ฉันยังห่วงใย ใจก็ยังคิดถึงเธอ เหมือนแต่ก่อนเป็นมาเสมอ แม้ว่าเธอจะไปจากฉัน ฉันยังเฝ้าดูและอยากรู้ความเป็นไป เพราะว่าฉันรักเธอดั่งเดิม เดิมถึงจะนาน นานเท่าไร ฉันขอพอใจขอเป็นอย่างเดิม ไม่ต้องการจะทนเห็นเธอต้องเหนื่อย ไม่ต้องการจะทนเห็นเธอลำบาก ได้แต่คอยเอาใจช่วยเธอทุกอย่าง อยากให้เธอมีโลกที่สวยงาม รักเธอเสมอ ยังไงซีก็รักแทนนะคะ' สุดท้าย (เสียงของเธอผมรู้สึกได้เลยครับว่าเธอกำลังร้องไห้ เพราะเสียงของเธอสะอื้น) ซีอยากบอกแทนว่า แทนอย่าปิดกั้นตัวเองเพราะซีนะคะ ซีอยากให้แทนเจอคนดี ๆ อย่าจบชีวิตตัวเองโดยไม่มีใคร แทนเป็นคนดี แทนต้องได้เจอคนดี ๆ ซีเชื่อว่าต้องเป็นเช่นนั้น ซีจะไม่โกรธถ้าแทนจะมีใครสักคน แต่ซีจะโกรธถ้าแทนปิดกั้นชีวิตเพราะซี แทนคะ แทนอย่าทำให้ซีต้องเป็นห่วงนะคะ แทนสัญญากับซีนะคะ ว่าจะไม่ปิดกั้นตัวเอง ถึงซีจะไม่ได้ยิน ซีจะเงียบให้แทนพูดนะคะ..."
ไม่มีเสียงจากเทปครับ ผมเลยพูดออกไปตามอารมณ์นั้น
"แทนสัญญา"
ผมนึกว่าเทปคงหมดหน้าแล้วจึงเอื้อมไปปิด ผมถึงกับสะดุ้งและขนลุกทันที ที่ได้ยินเสียงของซีออกมาจากในเทป แล้วพูดว่า "ขอบคุณนะคะ ถึงซีจะไม่ได้ยิน แต่ซีเชื่อว่าแทนคงรักษาสัญญากับซีนะคะ ว้า เทปหมดแล้วนะคะ ซีรักแทนนะคะ.................."
ช่วงที่ผมได้ยินคำขอบคุณจากเธอ ผมรู้สึกว่าเธอยังคงอยู่ข้าง ๆ ผมเลย ผมคิดถึงเธอมาก นั่งคิดว่าทำไมซีถึงเข้มแข็งได้ขนาดนี้ ผมนั่งร้องไห้ไปตั้งแต่ได้ยินเสียงคลื่นจากทะเลของวีดีโอแล้ว แต่เสียงเพิ่งมาร้องไห้ ตอนร้องเพลงให้ผมฟัง ทำไมเธอถึงพูดได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองจะต้องตาย ทำไมเธอไม่เคยบ่นว่าทรมานให้ผมฟัง แล้วทำไมเธอยังเป็นห่วงชีวิตผมอีก แล้วอย่างนี้ผมจะลืมเธอได้มั้ย ผมจะเจอคนที่เป็นห่วงและรักผมอย่างนี้ได้มั้ย
แต่อย่างน้อยผมก็รู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้จากผมไปไหนไกล แต่เธอยังอยู่กับผมใกล้ ๆ ในใจผมเสมอ
และแล้วผมก็ไปไม่ทันกล่าวพิธีเปิดงานเลี้ยงจนได้ พ่อของซีโกรธใหญ่เลย อิอิ ท่านถามผมว่าไปทำอะไรมา ผมแอบอมยิ้มแล้วกล่าวกับท่านว่า "นั่งฟังคนที่ผมรักพูดอยู่ครับ"
พ่อซีได้ยินเท่านั้นแหละทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกไปเลยครับ
อิอิ สายลมพัดไปแล้วไม่หวนกลับมา เหมือนกับชีวิตคนตายไปแล้วก็ไม่ฟื้นขึ้นมา ขึ้นอยู่กับว่าโลกสำหรับคนที่ตายนั้น มันเป็นอีกโลกหนึ่ง แต่โลกสำหรับคนที่อยู่นั้นมันเป็นโลกแห่งความจริง อย่ายึดติดกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน อย่าปิดกั้นในสิ่งที่เรียกว่ารักแท้ แต่จงยึดมั่นและเก็บความรู้สึกที่ดีไว้กับรักแท้จะดีกว่า มีพบก็มีจาก มันเป็นธรรมดา
C love Tan never die and forever but Tan forgot me not. Because C will alive in your heart.
นั่นคือจดหมายฉบับสุดท้ายที่ซีเขียนให้ผมและแนบไว้ในกล่องใส่เทปคาสเซตต์.
User avatar
killua
Member
 
Posts: 205
Joined: Tue Jul 19, 2005 1:20 pm
Location: Kukulu Mountain

Postby killua » Mon Aug 15, 2005 11:23 am

ยาวไปเปล่าเนี่ย
ขยันอ่านหน่อยน้า
User avatar
killua
Member
 
Posts: 205
Joined: Tue Jul 19, 2005 1:20 pm
Location: Kukulu Mountain

Postby killua » Mon Aug 15, 2005 11:24 am

แถมให้อีก

12 วิธีเติมพลังให้ชีวิต

1. นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับจะช่วยชดเชยพลังงานที่คุณใช้ไปในช่วงกลางวัน อีกทั้งยังช่วยเติมพลังให้กับร่างกายและสมอง ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ดังนั้นจึงควรนอนหลับให้เต็มอิ่ม (จะมากหรือน้อยแค่ไหนแล้วแต่บุคคล) เพื่อเวลาคุณตื่นจะได้รู้สึกสดชื่นและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

2. เติมพลังด้วยอาหารมื้อเช้า
แม้ว่าช่วงเช้าจะเป็นช่วงเวลาที่เร่งรีบที่สุด แต่การอดมื้อเช้า แล้วไปรวบยอดเป็นมื้อกลางวัน (เผลอ ๆ บางคนเลยไปเป็นบ่ายกว่า ๆ) ปล่อยให้ท้องว่างอยู่หลายชั่วโมง นานวันเข้าอาจมีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง ทำให้ความจำเสื่อม สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก ร่างกายเฉื่อยชา และเป็นโรคกระเพาะในที่สุด ซึ่งถ้าใครอยากทำงานคล่องแคล่วและกระตือรือร้นตลอดทั้งวัน จึงควรเติมพลังด้วยอาหารมื้อเช้าจะดีที่สุด

3. เลี่ยงมื้อเที่ยงที่หนักหน่วง
อาหารมื้อเที่ยงมื้อใหญ่ จะทำให้คุณรู้สึกหนังท้องตึงหนังตาหย่อนได้ ก่อให้เกิดอาการง่วงเหงาหาวนอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงควรทานอาหารมื้อเที่ยงแต่พอเต็มอิ่มเท่านั้น แล้วค่อยไปหนักเอามื้อเย็นกับคนรู้ใจก็แล้วกัน

4. ลดอาหารไขมันสูงและอาหารที่มีสารกระตุ้น
อาหารประเภทของหวาน อย่าง ช็อกโกแลต ชา และกาแฟ อาจทำให้คุณรู้สึกสดชื่นก็จริงอยู่ แต่ก็ทำได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น พอหมดฤทธิ์คาเฟอีน ก็จะทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยหน่าย จนถึงปวดหัวได้ ส่วนอาหารที่มีไขมันสูง จะทำให้คุณอืดอาด ขาดชีวิตชีวา ดังนั้นถ้าอยากรักษาความกระฉับกระเฉงไว้ตลอดทั้งวัน ควรเปลี่ยนอาหารมื้อว่างของคุณเป็นจำพวกผลไม้หรือน้ำผลไม้ดีกว่า เพราะได้ทั้งคุณค่าอาหารและความสดชื่น แถมยังมีเอนไซม์ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคและช่วยรักษาความอ่อนเยาว์ให้กับเซลล์ผิวอีกด้วย

5. ดื่มน้ำมาก ๆ
น้ำช่วยขจัดความอ่อนล้าได้และหากคุณทำงานหนักมาตลอดวัน คุณย่อมต้องการน้ำมากกว่าปกติโดยปริยาย

6. คิดถึงความรัก
เมื่อไรรู้สึกท้อแท้หรือหมดกำลังใจ ขอให้คุณนึกถึงคนที่คุณรักและรักคุณ จะเป็นพ่อแม่ เพื่อนสนิทที่รู้ใจ หรือเขา (และเธอ) คนนั้นที่เป็นหวานใจ (แต่อย่าเผลอไปคิดถึงคนที่เขาเคยรักคุณเข้าล่ะ จะพานท้อแท้หมดหวังเข้าไปอีก) เพราะความรู้สึกดี ๆ ช่วยเติมพลังใจให้เราได้ดีที่สุด

7. ยืดเส้นยืดสาย
การได้ยืดเส้นยืดสายจะช่วยขจัดอาการเหนื่อยล้าได้ เนื่องจากเวลาที่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย จิตใจจะได้เคลื่อนไหวไปด้วย ช่วยให้ลดอาการซึมเศร้าเหนื่อยหน่าย ก่อให้เกิดความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้น

8. หากิจกรรมเพื่อผ่อนคลาย
ถ้าคุณรู้สึกว่าเครียดหรือเหนื่อยกับงานมากเหลือเกิน จงอย่าปล่อยตัวเองให้ต้องสูญเสียพลังงานไปกับสิ่งเหล่านี้ หาช่วงพักในตอนกลางวัน ออกไปเดินเล่นบ้าง เพราะแสงธรรมชาติจะช่วยกระตุ้นให้คุณมีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรต่อมิอะไรไปได้ตลอดวัน หรือบางทีในช่วงเย็นหลังเลิกงานให้หากิจกรรมที่คุณชอบอย่างดูหนัง ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือตลกขบขัน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้น และในช่วงวันหยุดก็ควรเลือกกิจกรรมวันหยุดสุดสัปดาห์ให้อยู่ใกล้ ๆ กับธรรมชาติมากที่สุด เช่น ไปสูดอากาศบริสุทธิ์นอกเมือง ชมพระอาทิตย์ตก เดินป่าชมความงามของทุ่งดอกไม้ เพราะจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา และยังช่วยเติมพลังชีวิตให้กับคุณอีกด้วย

9. ฝึกหายใจเพิ่มพลัง
ภายใน 5 นาที ลองหายใจเข้าให้ลึกที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ การหายใจเข้าลึก ๆ จะทำให้ปลอดอัดแน่นด้วยออกซิเจน จะช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า และเติมพลังให้คุณกลับมากระปรี้กระเปร่าได้อีกครั้ง

10. เติมพลังด้วยจินตนาการ
การจินตนาการถึงสิ่งดี ๆ ไม่ว่าจะเป็น การฝันหวานถึงการได้เลื่อนตำแหน่ง หรือการคิดถึงหวานใจ (แม้เขาจะเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม) รวมทั้งการคิดถึงตัวเองในแง่ดี พูดและชมตัวเองจะช่วยเติมกำลังใจ เติมพลังให้กับชีวิตได้

11. สีแดงหรือสีส้มจะช่วยเพิ่มพลัง
เวลาออกมาทำงานหรือไปไหนก็ตาม อย่ามัวแต่ใส่ชุดสีทึม ๆ อยู่ทุกวี่ทุกวัน เพราะถึงจะทำให้คุณดูสวยคลาสสิก แต่ก็ทำให้ไม่สดชื่น ดังนั้นลองเปลี่ยนมาเป็นชุดสีส้มหรือสีแดงดูบ้างเถอะ เพราะเสื้อผ้าสีสันสดใสพวกนี้ จะช่วยให้คุณร่าเริงและมีพลังตลอดทั้งวัน

12. อย่าฝืนสังขาร
หัดเชื่อสัญญาณของร่างกายเสียบ้าง เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ก็อย่าไปฝืนสังขาร ในเมื่อร่างกายต้องการพักผ่อน นอนให้เต็มอิ่ม จะช่วยเรียกความสดชื่นกลับคืนมาได้
User avatar
killua
Member
 
Posts: 205
Joined: Tue Jul 19, 2005 1:20 pm
Location: Kukulu Mountain

Postby Spadez » Mon Aug 15, 2005 1:36 pm

ไม่ไหวๆ ช่วงนี้มีแต่เรื่องแบบนี้แฮะ :cry: :cry: :cry:
รวบรวมผลงาน http://aspgod.com

OUE ----- อู๋ #19
User avatar
Spadez
Supervisor
 
Posts: 1360
Joined: Wed Jun 01, 2005 12:49 am
Location: อยู่ที่ไหนคงไม่สำคัญ ขอแค่ให้ฉันอยู่ใกล้ๆใจเธอก็พอ

Postby Inception » Mon Aug 15, 2005 3:17 pm

เปิด forum นิยายรัก คนอกหัก เลยดีไหม เอิ้กๆ
Bak #19
รักภาค รักน้อง ก็ต้องรักให้ถูกทาง
อย่าทำอะไรผิดๆ จนเคยชิน และคิดว่าเป็นเรื่องปรกติ

www.ummata.net
User avatar
Inception
Senior Admin
 
Posts: 2780
Joined: Wed Jun 01, 2005 12:50 am

Postby brave » Mon Aug 15, 2005 3:34 pm

น้องครับปีที่แล้วรุ่นพี่ได้ฉายา คอมพิวเตอร์และดนตรี

รุ่นของน้องก็น่าจะเป็นคอมพิวเตอร์และความรักได้แล้ว :oops:
รักเดียวใจเดียว เสมอ........
[img:7133824eb4]http://picpost.com-sci.net/View/632591511973517500.jpg[/img:7133824eb4]
User avatar
brave
Member
 
Posts: 224
Joined: Wed Jun 01, 2005 1:31 am
Location: V.K.O. mansion


Return to Com-Sci#48 (CS รุ่น20)

Who is online

Users browsing this forum: No registered users and 1 guest

cron