ก่อนจะเขียนโปรแกรมกันเป็นใช้เวลากันนานมั๊ย?

[~@!Toh!@~]

ขึ้นอยู่กับว่าเขียนเป็นในระดับไหนน่ะพี่

ถ้าแค่
cout<<"สวัสดี ชาวโลก";
นี่วันเดียวก็เป็นแล้วครับ



แต่ว่าถ้าซัด
Spring + iBatis + Struts + blah...blah...blah....
นี่ก็นานหน่อย
เพราะ concept การเขียนโปรแกรมเดี๋ยวนี้พัฒนาไปเยอะ

ก็เริ่มเขียนจาก Structural ให้คล่องก่อน
แล้วค่อยเริ่มขยับขยายเข้าสู่โลกของ OO ทีหลัง จะได้ไม่งงครับ
แนะนำว่าเริ่มจาก C/C++ นี่แหละครับ ค่อยๆเขียนไปเรื่อยๆ
ให้เข้าใจ Concept ของภาษาโปรแกรมทั้งหมดก่อน
แล้วเอา OO มาเติมเข้าไปทีหลังครับ

พอได้ OO แล้วทีนี้เราจะเปลี่ยนไปไปภาษาอะไร, Framework ไหนมันก็ไม่ยากละ

[xaou]

เหอๆ มันช่างคลาสสิคจริงๆเลยท่าน
cout<<"Hello world"<<endl;
นี่มันมีแทบทุกเล่มเลยนะไอตัวอย่างนี้ อิอิ
ที่พี่เรียนน่ะก็มี แค่พื้นฐานของc++ กับ cเองแหละ ลูป อาเรย์ พอยเตอร์ ฟังชั่น struct แค่นั้นเองแหะๆ พอจะโผล่มา OOP มันก็หมดเวลาต้องสอบแหล่ว พอสอบเข้าได้เลยร้อนตัว


เพราะพื้นฐานน้อยมากมาย

เอ้อ วันนี้เห็นมีติวกันด้วยเนอะ ดีจัง พี่ๆติวน้องกันรึป่าวเนี่ย เห็นถือกระดาน มาสอนกันเต็มที่เลย
แล้วก็เห็นอ.วนิดา ก็มาติวให้เช่นกัน ฟิตมั่กมาก
รู้สึกว่าช่วงนี้สอบเนอะ พี่ก็อวยพรให้น้องๆได้ A กันถ้วนหน้า หุหุ

พี่เรียนcomputational theory ข้างบน ก็ลงมามึนๆ มาเห็นความตั้งใจน้องๆและต้องฟิตเลยนะเนี่ย อายน้องๆ แหะๆๆ

ว่าแต่ถ้าไม่รังเกียจนะ อาจจะมีรุ่นน้อง(แก่ๆ)บางคนแอบแฝงตัวเข้ามาฟังที่ติวๆด้วย อิอิ

[jjmedz]

เค้ติวไรกันเหรอ ทำไมหนูไม่รู้เรื่องเรยยยย

[SoUL]

ขึ้นอยู่กับว่าเขียนเป็นในระดับไหนน่ะพี่

ถ้าแค่
cout<<"สวัสดี ชาวโลก";
นี่วันเดียวก็เป็นแล้วครับ



แต่ว่าถ้าซัด
Spring + iBatis + Struts + blah...blah...blah....
นี่ก็นานหน่อย
เพราะ concept การเขียนโปรแกรมเดี๋ยวนี้พัฒนาไปเยอะ

ก็เริ่มเขียนจาก Structural ให้คล่องก่อน
แล้วค่อยเริ่มขยับขยายเข้าสู่โลกของ OO ทีหลัง จะได้ไม่งงครับ
แนะนำว่าเริ่มจาก C/C++ นี่แหละครับ ค่อยๆเขียนไปเรื่อยๆ
ให้เข้าใจ Concept ของภาษาโปรแกรมทั้งหมดก่อน
แล้วเอา OO มาเติมเข้าไปทีหลังครับ

พอได้ OO แล้วทีนี้เราจะเปลี่ยนไปไปภาษาอะไร, Framework ไหนมันก็ไม่ยากละ

ใช่ spring แล้วจะใช่ struts ทำไมวะ ล้อเล่น

เขียนโปรแกรมให้ดีกับเขียนโปรแกรมให้ได้ต่างกันนะครับ

[spao99]

ไปถามอาจารย์เด่นดวงครับ

อาจารย์จะสอนพี่ด้วยการให้ทำ compiler (การเขียนโปรแกรม 99.99% มันเป็นการ "ใช้" compiler นี่หว่า - -" , ไม่ใช่การ"สร้าง" compiler ซักหน่อย)

[Inception]

เค้าอยากให้รู้หลักการไง

มีอาจารย์ท่านนึงของ ม เราเนี่ยแหละ พุดไว้ว่า ถ้าแค่เขียนโปรแกรม ไม่ต้องมาเรียน มธ ก็ได้
แต่เราอยู่ มธ ต้องทำอะไรให้ได้มากกว่านั้น ต้องรู้ให้มากกว่านั้น
ถึงแม้ว่าจบไปจะไม่ได้ใช้ก็เหอะ -*-

[Jak'r]

แต่สร้างคอมไพเลอร์ก็ยังรู้สึกดีกว่าทำงาน OO อีกนะ

[spao99]

สมมุติ

ถ้าเราเรียนวิชา Data Structure แล้วอาจารย์ให้งานวิชา OS (เพราะ Data Structure เป็นพื้นฐานของวิชา OS )

ถ้าเราเรียนวิชา OS แล้วอาจารย์สั่งให้ทำงาน Net-centric(เนื่องจาก OS เป็นพื้นของ netcentric )

ถ้าเราเรียนวิชา Introduction to computer science แล้วอาจารย์สั่งให้ทำงาน Computer Architecture (เพราะ Introฯ เป็นพื้นฐานของวิชา Com Architec )

ถ้าเราเรียนวิชา Structure Programming แล้วอาจารย์ให้งานวิชา OO-P ( เพราะ Structure Programming เป็นพื้นฐานวิชา OO-P )

ถ้าเราเรียนวิชา Theory of computation แล้วอาจารย์ให้งานวิชา Theory of Language Translation ( เพราะ Theory of computation เป็นพื้นฐานวิชา Theory of Language Translation )

ฯลฯ

จะเกิดอะไรขึ้น ' '?
หลักสูตรการศึกษา ซึ่งมีไว้กำหนด scope การเรียนการสอน สายการทำงาน, จะมีไว้ทำไม?

ผมไม่รู้น่ะ ถึงถาม ถ้ารู้ จะไม่ถาม
เพราะถ้าเอาเข้าจริงๆ Theory of computation มันเป็นรากของ คอมฯ ทั้งหมด , แล้วจะสามารถให้งานอะไรก็ได้เกี่ยวกับคอมฯอย่างงั้นหรือ?
CS101 กับ CS102 ก็เป็นรากของวิชา CS111 , CS223 , CS314 (ด้วยระยะห่าง 1 level), ดังนั้น เรียน CS101 กับ 102 แล้วจะสั่งงาน CS111 , CS223 , CS314 ก็ได้ใช่มั้ยครับ ?

เค้าอยากให้รู้หลักการไง

มีอาจารย์ท่านนึงของ ม เราเนี่ยแหละ พุดไว้ว่า ถ้าแค่เขียนโปรแกรม ไม่ต้องมาเรียน มธ ก็ได้
แต่เราอยู่ มธ ต้องทำอะไรให้ได้มากกว่านั้น ต้องรู้ให้มากกว่านั้น
ถึงแม้ว่าจบไปจะไม่ได้ใช้ก็เหอะ -*-

มันมีคำตอบ ทั้งที่เป็น emotional reason
กับ logical reason
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายแต่มักจะระคายหูคนที่ไม่รับรู้ความจริงของโลก
คำโกหกพกลมที่ฟังลื่นหูมีอยู่มากใคร่ฟังก็ฟังดี"ชั่วขณะ"นั้นๆ

ถ้าตอบจริงๆ จะไปกระทบ เวทนาขันธุ์ ของบางคนได้( ทั้งที่แง่ logical reason ไม่มีอะไรที่น่าจะต้องกระทบ )
เฉยๆเสียดีกว่า

==================
ธรรมะวันละนิดจิตแจ่มใส~

กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล เรียกว่า เกสปุตตสูตร ก็มี

กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อ ไม่ให้เชื่องมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี ก่อนเชื่อ มี ๑๐ ประการคือ

๑. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา

๒. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา

๓. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ

๔. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา

๕. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา

๖. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา

๗. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล

๘. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน

๙. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้

๑๐.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน

[jjmedz]

มันคล้ายกะ กามสูตร เยย อ่ะ

[Poron]

มันคล้ายกะ กามสูตร เยย อ่ะ

อันนั้นกวางคงตรัสรู้ไปแล้วม้าง

[jjmedz]

เหมือนรู้เนอะ

[nat3]

ทำไมหลังๆ มันชักจะลอยออกทะเลหนอกระทู้นี้

[HolyShadow]

เหตุการณ์ปกติของบอร์ดนี้แว้วค๊าบ 555

ต้องการรับสมัครคนพาเข้าเรื่องเดิมด่วน !!!

[jjmedz]

ใครเป็นคนเริ่ม

[HolyShadow]

ได้ข่าวว่าเป็นคุณนะครับ