มหาวทิยาลัยมหิดล เผยผลสำรวจล่าสุด พบหญิงไทยมีแนวโน้มครองตัวเป็นโสด
เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีถึง 44 % เหตุมุ่งทำงานไม่มีเวลาหาคู่ และรักอิสระ อยากเป็น
ตัวของตัวเอง ส่วนคนแต่งงานมีลูกน้อย
ศ.ดร.ปราโมทย์ ประสาทกุล ศาสตราจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม
มหาวิทยาลัยมหิดล คาดประมาณประชากรของประเทศไทยว่า จากข้อมูลสัมมโนประชากร
ชี้ว่าอัตราส่วนของผู้หญิงไทยที่ไม่แต่งงานมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเมื่อปี 2513
ผู้หญิงไทยอายุระหว่าง 15 -49 ปี ไม่แต่งงานประมาณ 22.7 % ปี 2523 เพิ่มเป็นประมาณ
25.7 % ปี 2533 เพิ่มขึ้นเป็น 28.5 % และปี 2543 สูงถึง 31.8 % ส่วนผู้หญิงไทยที่มีอายุ
50 ปีขึ้นไป ที่ไม่แต่งงานมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยปี 2513 อยู่ที่ 2.2 % ปี2523
เพิ่มเป็น 2.5 % ปี2533 สูงขึ้นเป็น 3.1 % และปี 2543 เป็น 4.5 %
ศ.ดร.ปราโมทย์ กล่าวอีกว่า การที่ผู้หญิงไทยมีอัตราการไม่แต่งงานเพิ่มสูงขึ้น และ
มีอัตราคุมกำเนิดสูงถึง 75 % สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
จึงประมาณการว่าปัจจุบันผู้หญิงไทย 1 คน มีบุตรเฉลี่ยประมาณ 1.7 คน จากที่ปี 2507
มีลูกเฉลี่ย 6.3 คน ปี 2517 เฉลี่ย 4.9 % ปี 2528 อยู่ที่ 2.7 ปี ลดลงเหลือ 2.2 คน
ในปี 2534 และปี 2539 ลดลงเหลือ 2 คน ซึ่งเมื่อลดลงต่ำกว่า 2 % อย่างในปัจจุบัน
จะเป็นระดับที่ต่ำกว่าระดับทดแทน คือ จำนวนลูกไม่เพียงพอที่จะทดแทนจำนวนพ่อแม่
เพราะฉะนั้น อัตราการมีลูกของผู้หญิง 1 คน ควรอยู่ที่ 2 คน จึงจะดีเนื่องจากเป็นตัวเลข
ที่ทดแทนพ่อแม่
อย่างไรก็ตาม การมีลูกน้อยดูเหมือนจะเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลก จึงไม่สามารถ
พูดว่าดีหรือไม่ดี เพราะเป็นความต้องการส่วนบุคคล บางคนแต่งงานไม่มีลูกก็มี
บางคู่แต่งงานแล้วมีลูกโทนก็มีจำนวนมาก ทั้งนี้ เพราะเน้นการทำงาน หลายประเทศ
ก็มีความเป็นห่วง อย่างเช่น สิงคโปร์และญี่ปุ่นพยายามส่งเสริมให้คนแต่งงาน แต่ก็ทำ
ไม่สำเร็จ เพราะจะไปบังคับหรือบอกให้คนแต่งงานหรือมีลูกทั้งที่เขาไม่มีความต้องการ
ไม่ได้ ดังนั้น สิ่งที่จะทำได้ คือ รัฐต้องพยายามส่งเสริมให้คู่สมรสที่มีลูกยาก แต่ต้องการ
มีลูกให้มีลูกให้ได้ โดยอาจให้สิทธิพิเศษบางประการแก่คู่สมรสกลุ่มนี้
ด้าน น.พ.สมยศ เจริญศักดิ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปี 2565 เป็นปีที่ประชากรไทย
ถึงจุดอิ่มตัว อัตราการเกิดจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอัตราตาย ส่งผลให้อัตราเพิ่มของ
ประชากรใกล้เคียงศูนย์ ประชากรไทยจึงจะถึงจุดอิ่มตัวที่จำนวนประมาณ 65 ล้านคน
หลังจากนั้นอัตราการเพิ่มของประชากรไทยจะต่ำกว่าศูนย์และทำให้จำนวนประชากร
แต่ละปีลดลง
ที่น่าสังเกต คือ ในปี 2564 จำนวนประชากรที่เป็นผู้สูงอายุจะมากกว่าจำนวนประชากร
วัยเด็ก และจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกประมาณ 15 ปี ประเทศไทยจะกลาย
เป็นสังคมผู้สูงอายุ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประชากรของไทย
เครดิต เดลินิวส์